เป็นไม้ดอกในสกุล Mirabilis ที่นิยมปลูกมากที่สุด มีสีดอกที่หลากหลาย กล่าวกันว่าบานเย็นถูกนำออกมาจากถิ่นกำเนิดในบริเวณเทือกเขาแอนดิส ในเปรู ช่วงปี ค.ศ. 1540 คำว่า Mirabilis ในภาษาละตินหมายถึง ยอดเยี่ยม, สวยงาม, มหัศจรรย์ ส่วนคำว่า Jalapa เป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก บานเย็นเป็นไม้ประดับล้มลุกอายุหลายปี สูง เมตรกว่าๆที่คนนิยมปลูกมากเพราะมีหลากสีสัน มีหลายสีในต้นเดียว เช่นสีบานเย็น สีเหลือง สีขาว ชมพูและสีจะเปลี่ยนเมื่ออายุมากขึ้น และยังมีกลิ่นหอม เหตุที่ชื่อบานเย็นเพราะดอกจะบานในช่วงบ่ายๆเย็นๆ จะชอบแดดจัด ดอกบานทั่วทั้งปี
คำว่า Mirabilis เป็นภาษาละตินที่มีความหมายว่า “สวยงาม” ส่วนคำว่า Jalapa นั้นเป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก จุดเด่นของดอกไม้ชนิดนี้ก็คือดอกจะบานในช่วงบ่ายแก่ๆ หรือในช่วงเย็นเป็นต้นไป จึงเป็นที่มาของชื่อไทยว่า “บานเย็น” หรือในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า “ดอกสีโมง” (Four o’clock flower) เมื่อดอกบานจะมีกลิ่นหอม ส่วนในประเทศจีนจะเรียกดอกบานเย็นว่า “ดอกสายฝน” (Shower flower) หรือเรียกว่า “ดอกหุงข้าว” (Rice boiling flower) สำหรับในฮ่องกง จะเรียกดอกบานเย็นว่า “มะลิม่วง” (Purple jasmine) และความน่าสนใจของดอกบานเย็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นไม้ดอกที่สามารถมีดอกได้หลายสีอยู่บนต้นเดียวกันพร้อมๆ กันได้ แต่ละดอกอาจมีหลายสีปนกันอยู่ก็ได้ และดอกยังสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อต้นมีอายุมากขึ้น เช่น พันธุ์ดอกเหลือง จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม หรือพันธุ์ดอกขาวจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อน เป็นต้นลักษณะของต้นบานเย็น
-ต้นบานเย็น เป็นไม้พุ่มเนื้ออ่อนมีอายุหลายปี มีเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร มีลำต้นสีแดง ออกนวลเล็กน้อย แตกกิ่งก้านจำนวนมาก เป็นทรงพุ่มแผ่กว้าง เป็นไม้ที่เลี้ยงง่ายขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ควรปลูกไวกลางแจ้งและดินที่ปลูกควรเป็นดินร่วนมีธาตุอาหารสมบูรณ์ ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง
-รากบานเย็น มีลักษณะพองเป็นหัว หรือเรียกว่าเหง้า มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร
-ใบบานเย็น ใบออกเป็นคู่ๆ สลับกันไปตามลำต้น ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือเป็นรูปใบหอก หรือเป็นรูปสามเหลี่ยม และมีขนประปราย ใบมีความกว้างประมาณ 2-9 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ส่วนโคนใบตัดหรือเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ มีเส้นกลางใบเป็นสีเหลืองอ่อน เห็นได้ชัดเจน และก้านใบมีความยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร
-ช่วยแก้ไข้ ระงับความร้อนในร่างกาย (หัว)
-หัวบานเย็น ใช้รับประทานเป็นยาขับเหงื่อ (หัว)
-สรรพคุณบานเย็น หัวหรือรากช่วยแก้โรคเบาจืด (หัว)
-สรรพคุณดอกบานเย็น ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด แก้กระอักเลือด (ดอก,หัว)ด้วยการใช้ดอกสดประมาณ 120 กรัม นำมาคั้นเอาแต่น้ำผสมกินแก้อาการ
-ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้รากหรือหัวสดนำมาคั้นเอาแต่น้ำใช้กวาดคอ (หัว)
-หัวหรือรากบานเย็น มีสาร “Alkaloid Trigonelline” ที่มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย ยาระบาย (หัว)
-ช่วยขับปัสสาวะ (หัว,ใบ)
-เชื่อว่ารากหรือหัวของบานเย็นมีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศได้ (หัว)
-ใบนำมาใช้ภายในเป็นยารักษาโรคหนองในได้ หรือจะใช้รากหรือหัวจากต้นดอกสีขาวนำมาหั่นเป็นแผ่น ผสมกับโป่งรากสน นำมาต้มกินก่อนอาหารวันละ 2 เวลา (หัว,ใบ)
-ใบสดนำมาตำพอก หรือคั้นเอาแต่น้ำมาทาเป็นยารักษากลากเกลื้อน (ใบ)
-ใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปอุ่นไฟให้ร้อนพอทนได้ นำมาใช้พอกรักษาฝี แผลมีหนองต่างๆ --ช่วยทำให้หนองออกมา แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (ใบ)
-ช่วยรักษาแผลเรื้อรังได้ (ใบ,หัว) หากเป็นแผลเรื้อรังบริเวณหลังให้ใช้รากหรือหัวสดจากต้นดอกสีแดง -ผสมกับน้ำตายทรายแดงพอประมาณ นำมาตำแล้วพอก และให้หมั่นเปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง[6] และหัวยัง-ช่วยรักษาหนองได้อีกด้วย (หัว)
-แป้งจากเมล็ดใช้รักษาแผลมีน้ำเหลือง ผิวหนังพองมีน้ำเหลือง ด้วยการใช้เมล็ดนำมาแกะเอาเปลือกออก แล้วเอาแป้งมาบดเป็นผงให้ละเอียด นำใช้ทาถูภายนอก (เมล็ด)
-น้ำคั้นจากใบ ใช้ทารักษาผื่นแดงที่มีอาการคัน ใช้ทาช่วยบรรเทาอาการคัน และยังลดอาการแสบร้อนได้ด้วย (ใบ)
-ใบบานเย็น สรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบได้ (ใบ)
-ช่วยแก้บวม แก้อักเสบ (หัว)
-รากหรือหัวจากต้นดอกสีแดง นำมาใช้รักษาอาการปวดตามข้ออย่างเฉียบพลันได้ ด้วยการเอาขาหมู หรือเต้าหู้ นำมาต้มกิน (หัว)
-หัวใช้รับประทานจะทำให้ผิวหนังชา อยู่คงกระพันเฆี่ยนตีแล้วไม่แตกกลับทำให้รู้สึกคัน (หัว)
-รากบานเย็น มีลักษณะพองเป็นหัว หรือเรียกว่าเหง้า มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร
-ใบบานเย็น ใบออกเป็นคู่ๆ สลับกันไปตามลำต้น ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือเป็นรูปใบหอก หรือเป็นรูปสามเหลี่ยม และมีขนประปราย ใบมีความกว้างประมาณ 2-9 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ส่วนโคนใบตัดหรือเป็นรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ มีเส้นกลางใบเป็นสีเหลืองอ่อน เห็นได้ชัดเจน และก้านใบมีความยาวประมาณ 1-4 เซนติเมตร
สรรพคุณของบานเย็น
-ช่วยแก้ไข้ ระงับความร้อนในร่างกาย (หัว)
-หัวบานเย็น ใช้รับประทานเป็นยาขับเหงื่อ (หัว)
-สรรพคุณบานเย็น หัวหรือรากช่วยแก้โรคเบาจืด (หัว)
-สรรพคุณดอกบานเย็น ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด แก้กระอักเลือด (ดอก,หัว)ด้วยการใช้ดอกสดประมาณ 120 กรัม นำมาคั้นเอาแต่น้ำผสมกินแก้อาการ
-ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ด้วยการใช้รากหรือหัวสดนำมาคั้นเอาแต่น้ำใช้กวาดคอ (หัว)
-หัวหรือรากบานเย็น มีสาร “Alkaloid Trigonelline” ที่มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย ยาระบาย (หัว)
-ช่วยขับปัสสาวะ (หัว,ใบ)
-เชื่อว่ารากหรือหัวของบานเย็นมีสรรพคุณช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศได้ (หัว)
-ใบนำมาใช้ภายในเป็นยารักษาโรคหนองในได้ หรือจะใช้รากหรือหัวจากต้นดอกสีขาวนำมาหั่นเป็นแผ่น ผสมกับโป่งรากสน นำมาต้มกินก่อนอาหารวันละ 2 เวลา (หัว,ใบ)
-ใบสดนำมาตำพอก หรือคั้นเอาแต่น้ำมาทาเป็นยารักษากลากเกลื้อน (ใบ)
-ใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด แล้วนำไปอุ่นไฟให้ร้อนพอทนได้ นำมาใช้พอกรักษาฝี แผลมีหนองต่างๆ --ช่วยทำให้หนองออกมา แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (ใบ)
-ช่วยรักษาแผลเรื้อรังได้ (ใบ,หัว) หากเป็นแผลเรื้อรังบริเวณหลังให้ใช้รากหรือหัวสดจากต้นดอกสีแดง -ผสมกับน้ำตายทรายแดงพอประมาณ นำมาตำแล้วพอก และให้หมั่นเปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง[6] และหัวยัง-ช่วยรักษาหนองได้อีกด้วย (หัว)
-แป้งจากเมล็ดใช้รักษาแผลมีน้ำเหลือง ผิวหนังพองมีน้ำเหลือง ด้วยการใช้เมล็ดนำมาแกะเอาเปลือกออก แล้วเอาแป้งมาบดเป็นผงให้ละเอียด นำใช้ทาถูภายนอก (เมล็ด)
-น้ำคั้นจากใบ ใช้ทารักษาผื่นแดงที่มีอาการคัน ใช้ทาช่วยบรรเทาอาการคัน และยังลดอาการแสบร้อนได้ด้วย (ใบ)
-ใบบานเย็น สรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบได้ (ใบ)
-ช่วยแก้บวม แก้อักเสบ (หัว)
-รากหรือหัวจากต้นดอกสีแดง นำมาใช้รักษาอาการปวดตามข้ออย่างเฉียบพลันได้ ด้วยการเอาขาหมู หรือเต้าหู้ นำมาต้มกิน (หัว)
-หัวใช้รับประทานจะทำให้ผิวหนังชา อยู่คงกระพันเฆี่ยนตีแล้วไม่แตกกลับทำให้รู้สึกคัน (หัว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น